การเสริมคางมีแบบไหนบ้าง ความเหมาะสม ข้อดีและข้อเสีย และการดูแลตัวเอง

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
รูป 1 รีวิวเคส เสริมคางก่อนหลังทำของคุณต่าย
การเสริมคางเป็นอีกหนึ่งศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของพัสมนคลินิก
การเสริมคางเหมาะกับผู้ที่มีคางสั้น คางตัด หรือ ผู้ที่มีโครงสร้างใบหน้าบาน ซึ่งการเสริมคางนั้นจะช่วยทำให้ ใบหน้ายาวขึ้น มีผลต่อมิติโครงหน้าไม่แพ้การทำศัลยกรรมอื่นๆ เมื่อใบหน้าสมดุลขึ้นก็จะทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูดีขึ้นตามหลักสากล
การเสริมคางที่ดีนั้น ควรพิจารณาจากความเหมาะสมของรูปทรงใบหน้า โดยจะต้องไม่ยาว หรือแหลมจนเกินไป และไม่สั้นจนเกินไปจนเหมือนกับไม่ต่างกับตอนก่อนทำ
ศัลยกรรมเสริมคางที่พัสมนคลินิก ขึ้นชื่อ ในความโดดเด่น เรื่องการทำให้ออกมาสวยแบบธรรมชาติ โดยตัวคนไข้เองจะรู้สึกว่าใบหน้ายาวขึ้น หน้าเปลี่ยนมาก แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้รู้จักคนไข้มาก่อนอาจจะไม่รู้ว่าคนไข้ได้ทำการผ่าตัดเสริมคางไปเพราะดูเป็นธรรมชาติมาก

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
รูป 2 รีวิวเคส เสริมคางก่อนหลังทำของคุณเรซซิ่ง
การเสริมคางมีประเภทหลักคือการฉีดและการผ่าตัด
การฉีดมีทั้งการใช้ฟิลเลอร์และการใช้ไขมัน
มีข้อดี ไม่ใช่การผ่าตัด พักฟื้นน้อย
ส่วนข้อเสียคือ การฉีดสามารถสลายไปเอง ไม่มีสารตกค้าง แต่ก็ทำให้ต้องมีการฉีดซ้ำทุกสองปี หรือทุกปีในบางเคส ถ้าเป็นฟิลเลอร์ ที่คางของเรามีกล้ามเนื้อชื่อ mentalis กล้ามเนื้อตรงนี้จะเห็นได้ตอนเราทำห่อปาก ถ้าเราฉีดตื้นเกินไปจะทำให้ฟิลเลอร์มารวมกันดูเป็นก้อน เวลาแก้ต้องฉีดสลายฟิลเลอร์ก่อน
การผ่ากับการฉีดเสริมคาง มีความเหมาะสมแตกต่างกัน หากคนที่ทรงคางสั้นจะเหมาะกับการผ่า เพราะการฉีดฟิลเลอร์ไม่สามารถเสริมให้ยาวได้มากกว่า 1 เซนติเมตร ไม่งั้นจะดูคางไม่เป็นรูป และถ้าฉีดได้เกิน 1 เซนติเมตรมักจะเพราะว่าฉีดไม่ลึกเพียงพอ ก็จะมีปัญหาทำให้ฟิลเลอร์มารวมกันเป็นก้อน
การผ่าเสริมคาง ต้องเสริมซิลิโคนเข้าไปใต้เยื่อหุ้มกระดูกเพื่อให้ซิลิโคนอยู่กับที่ ไม่โยกไปมา ตัวประเภทซิลิโคนก็มีอยู่หลักๆสองแบบคือ แบบขาสั้นและขายาว แพทย์ต้องประเมินจากใบหน้าว่าควรใช้แบบไหนให้เหมาะกับโครงหน้าของคนไข้
บางคนใช้แบบขาสั้นก็เพียงพอ ซึ่งเปิดแผลเล็กผ่าตัดง่าย แต่บางคนจำเป็นต้องใช้แบบขายาวเพื่อให้รับกับแนวกราม และแบบขายาวนี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการผ่าตัด เพราะต้องเปิดแผลกว้างและต้องระวังเส้นประสาท mental foramen ที่อยู่บริเวณการผ่าตัด
แต่บางเคสถ้าคนไข้ไม่ต้องการเปิดแผลใหญ่ ก็สามารถใช้แบบขาสั้นร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ได้ครับ
การผ่าเสริมคาง สามารถทำได้ทั้งสองเทคนิค ได้แก่ เทคนิคแผลใน โดยผ่าตัดผ่านทางช่องปาก และการผ่าตัดแผลนอก ที่แผลอยู่ใต้คางบริเวณที่ใส่ซิลิโคน
1. การผ่าแผลนอก
แพทย์จะเปิดแผลใต้คาง ราว 1 ถึง 1.5 เซนติเมตรเพื่อวางซิลิโคนและปรับตามรูปหน้าของคนไข้ การผ่าตัดนี้จะทำโดยฉีดยาชา ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 30-45 นาทีแล้วแต่ความยากของเคส
ข้อดีของการผ่าแผลนอกคือ แผลหายง่ายกว่า เพราะไม่สัมผัสต่อน้ำลายและอาหารในปาก วางซิลิโคนได้ง่ายและเย็บล็อคซิลิโคนได้ง่าย ถ้าเป็นเคสที่ต้องขูดฟิลเลอร์ก็จะทำได้ละเอียดกว่าและเกลี้ยงกว่า รวมถึงทำตกแต่งเนื้อคางได้ร่วมกัน
ข้อเสียคือจะเห็นแผลเป็น การผ่าเสริมคางเป็นผ่าตัดเล็กและแพทย์จะใช้อุปกรณ์กับเทคนิคเพื่อลดการเกิดแผลเป็น แต่จำเป็นต้องอาศัยการดูแลตัวเองสม่ำเสมอเพื่อลดรอยแผล
2. การผ่าแผลใน
เป็นวิธีการผ่าเปิดแผลในช่องปาก ตรงจุดลึกสุดระหว่างเหงือกและริมฝีปากล่าง แพทย์จะเปิดแผลราวขนาด 2 เซนติเมตรแล้วแต่ขนาดของซิลิโคน แล้วจึงผ่าเยื่อหุ้มคางออกและวางซิลิโคน
ข้อดีหลักๆของการผ่าแผลในคือ ไม่เห็นแผลเป็นจากภายนอก
ข้อเสียคือ ต้องระวังเรื่องการติดเชื้อ และดูแลช่องปากให้สะอาดเป็นพิเศษ และต้องระวังเรื่องการกระแทกทำให้คางเคลื่อน
และการยึดให้ซิลิโคนอยู่กับที่ แพทย์จะมีตัวเลือกไม่ว่าจะเป็นการฝังน็อตไทเทเนียม ที่ยึดได้แน่นแต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และมีโอกาสทำให้ปวดคางสำหรับคนไข้บางเคส
การยึดอีกแบบคือการยึดด้วยการเย็บ จะทำให้ซิลิโคนอยู่กับที่และมีโอกาสน้อยที่จะเคลื่อน เทคนิคพิเศษ ที่เป็นเอกลักษณ์ของพัสมนคลินิกคือ เทคนิคการยึดตัวซิลิโคนด้วยการเย็บติดภายใน ( Interlocking suture ) ซึ่งด้วยเทคนิคนี้สามารถโอกาสเกิดปัญหาเรื่องซิลิโคนเอียงได้ และ ไม่จำเป็นต้องใช้น็อตยิงตัวซิลิโคนยึดกับกระดูกคาง ซึ่งการใช้น็อตยึดตัวซิลิโคนในบางกรณีอาจทำให้คนไข้เกิดอาการปวดเรื้อรังได้
ขั้นตอนการผ่าตัดทั้งหมดใช้เวลาราว 45 นาที
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะคางเป็นจุดที่เราต้องเคลื่อนไหวบ่อยไม่ว่าจะพูดหรือกิน และคนไข้ที่ผ่าแผลใน จำเป็นต้องดูแลแผลอย่างระวังเพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว สิ่งหลักๆที่ต้องเน้นคือ
1. หมั่นบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด น้ำเกลือหรือน้ำยาบ้วนปากทุก 2-3 ชั่วโมงเพื่อรักษาความสะอาดในช่องปาก
2. รับประทานอาหารที่เคี้ยวง่าย
3. ในช่วงสองสัปดาห์แรก งดกิจกรรมที่อาจกระเทือนบาดแผล เช่นการวิ่งและระวังการเอามือเท้าคาง
4. ช่วงแรกให้นอนหงายและยกศีรษะสูงเพื่อลดอาหารเลือดคั่งที่แผล
5. ดื่มน้ำปากๆแต่ให้เป็นการใช้หลอดดูดแทน
6. งดทานอาหารรสจัด ของร้อน ของหมักดองและสิ่งที่ต้องใช้แรงเคี้ยว และไม่ทานอาหารที่ไม่สุกเพราะอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อน
7. ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
8. หากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันที

รูป 3 นพ.มทนะ ปลื้มจิตรชม ( หมอต้น ) วุฒิบัตรศัลยกรรม รามาธิบดี หนึ่งในทีมศัลยแพทย์ของพัสมนคลินิก
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้ามาสอบถามหรือปรึกษาแพทย์ได้ที่พัสมนคลินิกทั้งสองสาขา
เพชรบุรี 0616102888 นครปฐม 0815451165 หรือ Id Line: @pzmclinic

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล